8 วิธีแก้ไข| วิธีแก้ไขข้อผิดพลาดการอัปเดต 0x8024402c Windows 11/10

Dea N.

Jun 12, 2024 • Filed to: Windows Computer Solutions

Windows 10 เป็นระบบปฏิบัติการยอดนิยมเวอร์ชั่นล่าสุดและอัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์มากที่สุด พื่อให้แน่ใจว่าระบบนั้นพร้อมใช้งานและทำงานโดยไม่สะดุดจะต้องมีการอัปเดตอยู่เป็นประจำ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม บางครั้งการอัพเดต Windows ก็อาจจะผิดพลาดได้เช่น 0x8024402c ที่ทำให้ระบบไม่สามารถดำเนินการอัพเดตได้

ปัญหาจะเกิดขึ้นเมื่อเครือข่ายขัดข้องซึ่งทำให้ระบบไม่สามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ต่อการอัพเดตได้ มันอาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องเล็ก แต่ข้อผิดพลาดนั้นส่วนมากจะนำไปสู่การเกิด Blue Screen of Death (BSoD).

ภาพรวมของข้อผิดพลาด 0X8024402C

เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณทำการเปิดการอัปเดต Windows พยายามเชื่อมต่อกับเครือข่ายเพื่ออัปเดตคอมพิวเตอร์ของคุณ ข้อผิดพลาดนี้อาจปรากฏขึ้น: หยุด: 0x8024402c. สิ่งนี้จะเกิดขึ้นเมื่อ PC ไม่สามารถเชื่อมต่อกับ Windows Update Server ได้อย่างถูกต้อง ซึ่งทำให้ระบบเกิดความสับสนและล้มเหลวในที่สุดและจะแสดง BSoD ขึ้นมา

ข้อผิดพลาดนี้อาจเกิดขึ้นเนื่องจากการตั้งค่าเครือข่ายไม่ถูกต้อง การตั้งค่า LAN หรือการตั้งค่าการอัปเดตที่ไม่ตรงกับข้อกำหนดการอัปเดต สามารถป้องกันได้โดยการอนุญาติการตั้งค่าการตรวจจับการเชื่อมต่อโดยอัตโนมัติ

ข้อผิดพลาดนี้อาจเกิดจากข้อผิดพลาดในการตั้งค่าไฟร์วอลล์หรือพร็อกซี หากทั้งหมดนี้ได้รับการกำหนดค่าที่ไม่ถูกต้อง การเชื่อมต่อระหว่างเซิร์ฟเวอร์ Windows Updates และคอมพิวเตอร์อาจล้มเหลวได้

ปัญหาสำคัญที่ทำให้ 0X8024402C เกิดการผิดพลาด

อาจมีสาเหตุหลายประการที่ขัดขวางการตั้งค่าอินเทอร์เน็ตของคอมพิวเตอร์ เราจะมาพูดถึงบางสาเหตุกัน:

• รอการอัปเดต
• การตั้งค่าเวลาคอมพิวเตอร์ที่ไม่ถูกต้อง
• ไฟล์เกิดความเสียหาย
• ไฟล์ขยะมีการคุกคาม
• การตั้งค่าไฟร์วอลล์ไม่ถูกต้องซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการอัปเดตที่สำคัญในคอมพิวเตอร์

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เราได้นำวิธีการแก้ไขข้อผิดพลาดที่คุณสามารถใช้ได้มาระบุไว้ด้านล่างนี้

แก้ไขข้อผิดพลาด 0x8024402c

นี้คือวิธีการแก้ไขปัญหาข้อผิดพลาดที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว 8 ข้อ การอัปเดต Windows 0x8024402c

การแก้ไขที่ 1: เปิดใช้งานการตั้งค่าการตรวจจับเครือข่ายอัตโนมัติ

เพื่อป้องกันไม่ให้พีซีของคุณเกิดความสับสนและเชื่อมต่อกับเครือข่ายโดยอัตโนมัติ คุณสามารถเปิดการตั้งค่าการตรวจจับอัตโนมัติเพื่อแก้ไขได้

1. ทำการเปิด Internet Explorer โดยการกดที่เมนู Start
2. คลิกที่การตั้งค่าที่มีสัญลักษณ์ฟันเฟืองอยู่ที่ด้านขวาบนของ window ทำการเลือกตัวเลือก internet

   

3. คลิกที่การตั้งค่า LAN ซึ่งพบได้จากใต้ connection window

   

4. ทำเครื่องหมายที่ช่องก่อนตรวจหาการตั้งค่าโดยอัตโนมัติ

   

5. ทำการเปิดการอัปเดต windows อีกครั้ง

การแก้ไขที่ 2: ทำการลบอักษรที่ไม่ถูกต้องในรายการยกเว้นของพร็อกซี

การตั้งค่าพร็อกซีส่งผลต่อความสามารถของพีซีในการตรวจจับเครือข่าย คุณต้องรักษาการตั้งค่าพร็อกซีให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันไม่ให้ระบบเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก

1. ทำการเปิด Internet Explorer โดยการกดที่เมนู Start
2. คลิกที่การตั้งค่าที่มีสัญลักษณ์ฟันเฟืองอยู่ที่ด้านขวาบนของ window ทำการเลือกตัวเลือก internet

   

3. คลิกที่การตั้งค่า LAN ซึ่งพบได้จากใต้ connection window
4. ไปที่ขั้นสูงในขณะที่ทำเครื่องหมายการใช้งานพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์สำหรับ LAN ของคุณ

   

5. ถ้ากล่องข้อExceptions มีเนื้อหาใดๆให้ทำการลบออกแล้วเลือกตกลง
6. ให้ออกจาก Internet Explorer เปิด Command Prompt โดยพิมพ์ลงในแถบค้นหาและคลิกที่ผลลัพธ์ด้านบน
7. รันคำสั่งต่อไปนี้ต่อบรรทัดแล้วกด Enter หลังจากแต่ละรายการ:
   netsh winhttp wuauserv
   net stop wuauserv
   net start wuauserv
8. ตอนนี้ให้ทำการอัปเดต Windows

การแก้ไขที่ 3: ทำการเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์ DNS

ถ้าหากว่าคุณมีปัญหากับ Internet Service Provider (ISP) นั้นสามารถนำไปสู่การเกิด ข้อผิดพลาด 0x8024402c. การเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์ DNS เป็นสาธารณะสามารถแก้ปัญหานี้ได้

1. เปิดกล่อง Run โดยกด Win + R พร้อมกัน แล้วพิมพ์บนกล่องโต้ตอบ ncpa cpl แล้วเลือกตกลง

   

2. บานหน้าต่างการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจะเปิดขึ้น เลือกอะแดปเตอร์เครือข่ายที่ใช้งานอยู่โดยทำการดับเบิลคลิก
3. เลือก Properties และดับเบิลคลิกที่ Internet Protocol Version 4 หรือ TCP/IPv4

   

4. ตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์ DNS ต่อไปนี้โดยป้อนที่อยู่ในช่องว่างที่ให้ไว้
   
   สำหรับเซิร์ฟเวอร์ DNS ที่ต้องการ พิมพ์​8.8.8.8
   สำหรับเซิร์ฟเวอร์ DNS สำรอง ให้ป้อน 8.8.4.4

   

5. เพื่อเป็นข้อมูลในการอ้างอิง นี่คือที่อยู่เซิร์ฟเวอร์ DNS สาธารณะสำหรับ Google
6. ทำการลองติดตั้งการอัปเดตในแอปพลิเคชัน Windows Updates ทันที

การแก้ไขที่ 4: ลบการเปิดเผยซอฟต์แวร์

วิธีนี้คือการลบไฟล์การแจกจ่ายซอฟต์แวร์เพื่อทำการแก้ปัญหา ข้อผิดพลาดของ Window 0x8024402c.

1. พิมพ์ Services ในแถบค้นหาถัดจากเมนู Start
2. คลิกขวาที่ service แล้วเลือก run ในฐานะผู้ดูแลระบบ
3. ใน window Services ให้ค้นหา Windows Update และคลิกขวาที่ไฟล์ กด stop

   

4. หลังจากนั้นให้ไปที่ไฟล์​ Explorer และกดเลือก Local Disk(C:).
5. คลิกที่โฟลเดอร์ Windows และค้นหา SoftwareDistribution ที่นี่
6. คลิกขวาที่ SoftwareDistribution และคลิกที่ Delete

เมื่อข้อมูลใน SoftwareDistribution ถูกลบแล้ว คุณสามารถทดสอบได้ว่ามีการลบข้อผิดพลาด 0x80244o2c windows update หรือไม่

การแก้ไขที่ 5: เปิดเครื่องใหม่เพื่อเข้าถึงคลีนบูต

อีกวิธีในการแก้ไข ข้อผิดพลาดในการอัปเดต window 0x80244o2c คือการใช้ Clean Boot ทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้:

1. กด Windows + R เพื่อเปิดกล่อง Run
2. พิมพ์ msconfig ลงในช่อง จากนั้นกด Enter เพื่อเปิด System Configuration
3. คลิกแท็บบริการและทำเครื่องหมายที่ช่องซ่อนบริการทั้งหมดของ Microsoft
4. หลังจากนั้นให้กดปิดการใช้งานทั้งหมด และการยืนยันการตั้งค่า

   

5. ไปที่แท็บ Startup และทำการเปิดTask Manager.
6. ค้นหาแอปพลิเคชันที่เปิดใช้งาน กดคลิกขวาและคลิกเปิดใช้งาน

   

7. ปิด Task Manager ใน window และคลิกตกลงบนการกำหนดค่าระบบเพื่อบันทึกการตั้งค่า
8. ทำการเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณและทดสอบว่าปัญหาของ การอัปเดต windows 0x80244o2c ได้ถูกแก้ไขแล้ว

การแก้ไขที่ 6: การกำหนดค่าไคลเอ็นต์การอัปเดต

หากไม่มีการแก้ไขอื่นๆ ข้างต้นที่ได้ผล คุณสามารถลองกำหนดค่าไคลเอ็นต์การอัปเดตได้แก้ไขข้อผิดพลาดของ 0x8024402c.

1. เปิดกล่องโต้ตอบ Run โดยกด Win + R พร้อมกัน ให้พิมพ์ regedit และเลือก OK

   

2. ในกล่องโต้ตอบการควบคุมบัญชีผู้ใช้ที่เปิดขึ้นนั้น ให้เลือกใช่ เพื่ออนุญาตการเข้าถึงรีจิสทรี
3. ในหน้าต่าง Windows Registry ให้ไปที่ HKEY_LOCAL_MACHINE> SOFTWARE> Policies> Microsoft> Windows> WindowsUpdate> AU

   

4. ที่ด้านขวาของปุ่ม AU ดับเบิลคลิกที่ UseWUServer และเปลี่ยนข้อมูลค่าเป็นศูนย์ (0) กด OK

หากคุณไม่พบโฟลเดอร์ WindowsUpdate คุณสามารถสร้างได้โดยทำตามขั้นตอนเหล่านี้:

1. ในโฟลเดอร์ Windows ให้คลิกขวาที่โฟลเดอร์นั้นแล้วเลือกใหม่> คีย์ ตั้งชื่อการอัปเดต windowsใหม่

   

2. คลิกขวาที่โฟลเดอร์ WindowUpdate แล้วเลือกใหม่> คีย์ ตั้งชื่อคีย์ใหม่ AU

   

3. คลิกขวาที่window ด้านขวาแล้วเลือกใหม่> ค่า DWORD (32 บิต)
4. เปลี่ยนชื่อค่าใหม่เป็น UseWUServer ทำการลองติดตั้งการอัปเดตในแอปพลิเคชัน Windows Updates ทันที

ระบบจะใช้รีจิสทรีอย่างต่อเนื่องเนื่องจากนี่คือที่ที่พบการตั้งค่าและไฟล์ที่สำคัญ ใช้เพื่อเรียกคืนการตั้งค่าและรายการที่ต้องการระหว่างแอปพลิเคชันและบัญชีผู้ใช้ เมื่อเวลาผ่านไป จำนวนไฟล์ที่บันทึกไว้จะทำให้ระบบช้าลงและอาจะทำให้เจอกับความผิดพลาดได้ในที่สุดทำตัวอย่างเช่น ข้อผิดพลาดการอัปเดตwindow 0x8024402c .

การแก้ไขที่ 7: ทำการตรวจสอบการตั้งค่าของไฟย์วอล

ไฟร์วอลล์ windows เกิดขึ้นโดยเข้าใจผิดว่าตัวติดตั้งหรือตัวอัพเดต windows เป็นภัยคุกคามและบล็อกมันหลายครั้ง นี่คือสิ่งที่คุณสามารถทำได้หากต้องการแก้ไขปัญหา

1. กดปุ่มโลโก้ window + ปุ่ม R พร้อมกันเพื่อเปิดคำสั่งพร้อมท์
2. พิมพ์ “Firewall. cpl” ในช่องว่างแล้วกด Enter
3. ไปที่การตั้งค่าส่วนตัวและทำการเลือก “ปิดการตั้งค่าไฟร์วอลล์
4. ทำซ้ำขั้นตอนที่ 3 สำหรับการตั้งค่าเครือข่ายแบบสาธารณะ และกด OK

การแก้ไขที่ 8: การทำความสะอาดไฟล์ขยะ

ไฟล์ขยะกองใหญ่ในคอมพิวเตอร์อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้ ไฟล์ขยะอาจรบกวนการทำงานที่ราบรื่นของคอมพิวเตอร์ได้

1. กดปุ่มโลโก้ Windows + X พร้อมกันเพื่อเปิดตัวเลือกเมนู เลือกตัวเลือก “Command Prompt”
2. คลิกที่ “Yes” เพื่อเรียกใช้คำสั่งในฐานะของผู้ดูแลระบบ พิมพ์ “cleanmgr” ในที่ว่างและกดตกลง

ขั้นตอนทั้งหทดจะเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่คุณใส่คำสั่งนี้ กระบวนการนี้จะคำนวณจำนวนไฟล์ที่ไม่มีประโยชน์และขยะในฮาร์ดดิสก์ของคอมพิวเตอร์ของคุณที่สามารถกำจัดได้ เมื่อคอมพิวเตอร์ของคุณได้รับการสแกนไฟล์ขยะทั้งหมดแล้วนั้น ให้คลิก OK เพื่อทำการลบขยะทั้งหมดอย่างถาวร และให้ทำการเพิ่มพื้นที่ของคอมพิวเตอร์

บทสรุป

วิธีแก้ไขปัญหาที่แสดงไว้ด้านบนนั้นไว้เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดของ Windows Update หากคุณต้องการให้การอัปเดตไม่ทำงาน คุณสามารถลองติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีเพื่อช่วยเหลือคุณได้เช่นกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีสามารถทำให้คุณมั่นใจได้ว่าไฟล์ของคุณปลอดภัยในขณะที่ทำงานเพื่อตรวจจับและแก้ไขปัญหา

ก่อนอื่นเลย ให้คุณลองซิงโครไนซ์นาฬิกาอินเทอร์เน็ตของคุณกับเวลาของคอมพิวเตอร์แล้วเรียกใช้ Windows Updates อีกครั้ง หากวิธีนี้ใช้ไม่ได้ผล คุณสามารถใช้ซอฟต์แวร์ความปลอดภัยได้ เพราะมัลแวร์อาจทำให้เกิดการอัปเดตที่ล้มเหลว และคุณเองก็ต้องทราบว่า Windows Updates จะได้รับผลกระทบอย่างมาหากระบบพบข้อผิดพลาดรเพราะโปรแกรมมีความละเอียดอ่อนมาก และนั่นอาจทำให้พีซีทำงานช้าลงหรือเริ่มทำงานไม่ถูกต้องได้