Jun 12, 2024 • Filed to: Windows Computer Solutions
คุณพยายามจะชัตดาวน์เครื่องคอมพิวเตอร์แต่มันกลับไม่ยอมปิดตัวลงอย่างงั้นหรือ? คอมพิวเตอร์ปิดลงได้เพียงแค่คลิกไม่กี่ครั้ง เว้นแต่ระบบของคุณมีปัญหาในบางส่วน
ทั้งๆที่พยายามปิดมันซ้ำๆ คอมพิวเตอร์ก็ยังชัตดาวน์ไม่สำเร็จ คุณได้แต่สงสัยว่าทำไม เครื่องพีซีของฉันถึงไม่ยอมปิด ปัญหานี้เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ
อาจเกิดจากระบบการทำงานบางไฟล์มีปัญหา วินโดวส์อัพเดทไม่สำเร็จ การเปิดแอปพลิเคชั่นที่ไม่จำเป็น และอีกมากมาย สาเหตุอาจเป็นอะไรก็ได้
ในบทความนี้ คุณจะได้เรียนรู้ถึงหลากหลายวิธีที่จะช่วยให้เครื่องพีซีปิดตัวลงได้ คุณยังจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการกู้คืนข้อมูลที่เซฟไว้แล้วหายไประหว่างพยายามจะปิดเครื่องพีซี
คุณสามารถสำรวจเพิ่มเติมจาก ชุมชนวิดีโอ Wondershare
เมื่อระบบปฏิบัติการปิดตัวลงและคุณคิดว่า เครื่องพีซีปิดไม่ได้ คุณอาจจะลองถอดตัวจ่ายพลังงาน แต่นั่นไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง เมื่อคุณพยายามถอดปลั๊กโดยทันที อาจทำให้ตัวจัดเก็บพลังงานเสียหายเป็นผลให้แผงวงจรหลักหรือส่วนประกอบอื่นๆของเครื่องถูกทำลายไปด้วย
นี่คือวิธีที่คุณสามารถลองใช้เพื่อชัตดาวน์ระบบได้ ใช้วิธีที่ง่ายและทำได้จริงตามขั้นตอนข้างล่างนี้:
ขั้นที่ 1: กดปุ่มเพาว์เวอร์ค้างไว้ 5 - 10 วินาที จนกว่าเครื่องพีซีจะชัตดาวน์
ขั้นที่ 2: ให้เครื่องปิดตัวสัก 5 - 10 นาที ถอดสายไฟออก ในกรณีที่คุณใช้แล็ปท็อปให้นำแบตเตอรี่ออกด้วย
ขั้นที่ 3: เปิดเครื่องใหม่และลองชัตดาวน์ตามวิธีที่ทำก่อนหน้าอีกครั้ง หากเครื่องพีซีของคุณชัตดาวน์ได้ตามปกติแสดงว่าแก้ไขปัญหาได้เรียบร้อยแล้ว
หน้าต่าง Run ของระบบวินโดวส์สามารถให้ยูสเซอร์เปิดใช้แล้วพิมพ์ชื่อแอปพลิเคชันลงไปได้ หากมีข้อมูลอยู่ใน Windows directory ใช้วิธีดังกล่าวในการชัตดาวน์เครื่องพีซีได้ดังนี้:
ขั้นที่ 1: เปิดหน้าต่าง Run โดยกดปุ่ม Window + R
ขั้นที่ 2: พิมพ์คำสั่ง
shutdown /s /f /t 0 แล้วกด Enter
Command Prompt คือคำสั่งคอมมานด์ไลน์ที่อยู่ในระบบปฏิบัติการวินโดวส์แทบทุกรุ่น แอปพลิเคชันนี้จะทำตามคำสั่งที่คุณป้อนเพื่อให้ไฟล์แบชและสคริปทำงานโดยอัตโนมัติ และยังสามารถสร้างฟังก์ชันพิเศษเพื่อแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นบนวินโดวส์
ดังนั้น เมื่อคุณคิดว่า ปิดเครื่องพีซีไม่ได้ คุณสามารถพยายามชัตดาวน์ระบบได้โดยตรงผ่าน CMD ด้วยวิธีเหล่านี้:
ขั้นที่ 1: พิมพ์ CMD บนแถบเมนูสตาร์ท จากนั้น คลิกขวาบน CMD แล้วเลือกตัวเลือก "Run as administrator"
ขั้นที่ 2: พิมพ์คำสั่งข้างล่างแล้วกด "Enter"
"shutdown /p"
ระบบจะทำการชัตดาวน์โดยไม่ต้องติดตั้งการอัพเดทใดๆ
แอปพลิเคชันทุกตัวที่เปิดใช้งานบนหน้าจออาจเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ระบบชัตดาวน์ไม่ได้ การปิดแอปพลิเคชั่นจะช่วยแก้ปัญหาได้
ขั้นที่ 1: คลิกขวาบน taskbar ตรงแถบด้านล่างของหน้าจอ จากนั้นเลือก "Task Manager"
ขั้นที่ 2: ไปยัง "Processes" เลือกแอปที่เปิดค้างไว้ แล้วกด "End task" ทำวิธีนี้ซ้ำๆแก่ทุกแอปที่ปรากฏบนรายการ วิธีนี้จะทำให้เหล่าแอปที่เปิดใช้งานอยู่บนหน้าจอ หยุดการทำงานและปิดตัวลง เมื่อเสร็จแล้ว คุณจะชัตดาวน์เครื่องพีซีของคุณได้โดยปกติ
การบันทึกไฟล์แบชทำให้คุณพิมพ์คำสั่งซ้ำๆไม่ได้ วิธีนี้จะทำให้ระบบปิดลงง่ายดายเพียงคลิกเดียว คุณสามารถทำได้ตามขั้นตอนดังนี้:
ขั้นที่ 1: ใช้กล่องค้นหา Cortana บนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 10 ของคุณในการหาแอป Notepad คลิกเข้าไป
ขั้นที่ 2: พิมพ์คำสั่งแก่แอป Notepad แบบเดียวกับที่พิมพ์ลง Command Prompt ข้างบน
shutdown /s /f /t 0
ขั้นที่ 3: บันทึกคำสั่งโดยการคลิกเมนู Notepad's "File" คำสั่งจะปรากฏข้างบนจอภาพ ไฟล์แบชที่ใช้การได้จะบันทึกอยู่บนระบบของคุณ
ขั้นที่ 4: บันทึกไฟล์ลงบนเดสก์ทอปเพื่อให้เปิดใช้งานได้ง่ายดาย
ขั้นที่ 5: เข้าไปในไฟล์นั้นแล้วพิมพ์จุด แก้ไขไฟล์ที่เพิ่มขึ้นมาว่า .bat. จะได้คำว่า shutdown.bat.
ขั้นที่ 6: บนตัวเลือก" Save as type" ให้เลือก "All Files" แล้วกด "Save"
ขั้นที่ 7: คลิกขวาบนไฟล์ที่คุณสร้างมา เลือกคำสั่ง "Run as administrator" ระบบจะทำการชัตดาวน์ คุณอาจจะลดขั้นตอนนี้ได้โดยให้ไฟล์ทำงานด้วยโหมด run as admin always
ขั้นที่ 8: คลิกขวาบนไฟล์ของคุณ คลิก Send to -> Desktop วิธีนี้จะสร้างทางลัดบนเดสก์ทอปไปยังไฟล์ของคุณ
ขั้นที่ 9: คลิกขวาบนทางลัดที่คุณสร้างไว้ จากนั้นเลือกเมนู "Properties"
ขั้นที่ 10: เมื่อคุณอยู่ในแถบ Shortcut ให้คลิกที่เมนู "Advanced"
ขั้นที่ 11: เช็คกล่องหน้าต่างบนตัวเลือก Run as administrator คลิก "OK" คลิกไฟล์นี้ทุกครั้งที่คุณต้องการจะชัตดาวน์เครื่องพีซี
Fast startup คือ โหมดบนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 10 ที่ทำให้เครื่องพีซีของคุณทำงานได้เร็วขึ้น 30% เมื่อเทียบกับโหมดปกติ
การเปิดใช้งานร่วมกันระหว่างฟังก์ชั่นล๊อคเอ้าท์และโหมดสลีป เรียกว่า fast startup ถ้าหากโหมดนี้เข้ารบกวนการเข้าชัตดาวน์แล้ว เครื่องพีซีจะไม่สามารถปิดตัวลงได้ นี่คือวิธีที่คุณสามารถทำได้หาก ปิดเครื่องพีซีไม่ได้ คุณสามารถชัตดาวน์ระบบการทำงานได้โดยการปิดโหมด fast startups
ขั้นที่ 1: เปิดแอป "control panel" บนเครื่องพีซีของคุณ จากนั้นมองหาคำสั่ง "power options" แล้วคลิกเข้าไป
ขั้นที่ 2: เลือกคำสั่ง "Choose what power buttons do" จะมีตัวเลือกขึ้นมาทางซ้ายมือ
ขั้นที่ 3: คลิก "Change settings that are unavailable"
ขั้นที่ 4: นำเครื่องหมายถูกออกจากตัวเลือก "Turn fast startup" คลิก "Save changes" แล้วปิดหน้าต่าง
เมื่อไม่สามารถชัตดาวน์ในวิธีปกติได้ ให้ลองเลือกคำสั่งรีบูตดู เมื่อระบบรีบูตเรียบร้อย ให้ชัตดาวน์เครื่องพีซีตามปกติ
ขั้นตอน: คลิก Start Menu แล้วเลือกไอคอนเพาเวอร์ จากนั้น ให้คลิกปุ่ม "Restart"
หลังจากใช้วิธีข้างต้นแล้ว คุณยังชัตดาวน์ระบบปฏิบัติการไม่สำเร็จ ให้ใช้ Windows Troubleshooter เพื่อแก้ปัญหา
ขั้นที่ 1: เปิดระบบ "Settings" แล้วคลิกที่ตัวเลือก "Update & Security"
ขั้นที่ 2: เลือกเมนู Troubleshoot บนแถบซ้ายมือ คลิกปุ่ม "Power" บนทางขวาของแถบเครื่องมือ คลิก "Run the troubleshooter" แอปจะทำการค้นหาข้อผิดพลาดบนระบบของคุณแล้วแก้ไข เมื่อดำเนินการตามวิธีดังกล่าว เครื่องพีซีของคุณจะชัตดาวน์ได้ตามปกติ
เมื่อ เครื่องพีซีของคุณชัตดาวน์ไม่ได้ แต่คุณยังพยายามจะปิดมัน อาจทำให้ข้อมูลสำคัญที่บันทึกไว้หายไปได้ หากคุณพบเจอปัญหานี้ คุณสามารถกู้ข้อมูลได้ง่ายดายด้วยความช่วยเหลือจากซอฟต์แวร์ที่ดีที่สุดในด้านดังกล่าว – Recoverit
ตัวช่วยกู้ข้อมูลอย่าง Recoverit เป็นซอฟต์แวร์ที่มีเครื่องมือโดดเด่น มีประสิทธิภาพการกู้คืนข้อมูลสูงสุดและเป็นตัวเลือกยอดนิยมของเหล่ายูสเซอร์ สามารถกู้ข้อมูลได้ง่ายดายไม่ว่าจะเป็นการสูญหายในกรณีไหน โดยประกอบด้วยสามขั้นตอน ยิ่งไปกว่านั้น ซอฟต์แวร์ยังรองรับระบบไฟล์กว่า 1000 รูปแบบ ทำตามขั้นตอนเหล่านี้ เพื่อกู้ข้อมูลที่หายไปได้โดยเร็ว
ขั้นตอนที่ 1: เลือกตำแหน่ง
ดาวน์โหลดและติดตั้งซอฟต์แร์ Recoverit บนเครื่องพีซีของคุณ จากนั้นเลือกตำแหน่งที่จะใช้กู้คืนไฟล์ ตำแหน่งนี้ จะต้องเป็นตำแหน่งที่ข้อมูลสูญหายไป เมื่อคุณเลือกไดรฟ์เรียบร้อยแล้ว คลิกปุ่ม "Start" ระบบจะสแกนหาไฟล์ของคุณที่ถูกลบไป
ขั้นที่ 2: แสกนในไดรฟ์นั้นๆ
เมื่อสแกนเสร็จแล้ว คุณยังสามารถที่จะเพิ่มฟีลเตอร์เพื่อหาไฟล์ที่หายไปได้ สามารถระบุรูปแบบหรือที่อยู่ไฟล์ได้ ยิ่งไปกว่านั้น คุณยังสามารถให้ซอต์ฟแวร์หยุดการสแกนได้ตามที่คุณสะดวก หรือเมื่อกู้ข้อมูลที่สูญหายไปได้แล้ว
หากการสแกนโหมดปกติไม่สามารถกู้คืนข้อมูลได้ ให้ลองใช้โหมด "advanced" เพื่อให้ซอฟต์แวร์ค้นหาไฟล์อย่างละเอียดยิ่งขึ้น
ขั้นที่ 3: แสดงตัวอย่างและกู้ข้อมูลสูญหาย
เมื่อสแกนเสร็จแล้ว ซอฟต์แวร์ Recoverit จะให้ยืนยันอีกครั้งว่าไฟล์ของคุณที่หายไปกลับคืนมาหรือยัง คุณสามารถดูตัวอย่างข้อมูลที่กู้คืนมาได้แล้วโดยการคลิกไปยังไฟล์แต่ละไฟล์ เมื่อคุณพึงพอใจกับการกู้คืน เซฟไฟล์เหล่านั้นได้โดยคลิกปุ่ม "recover" ซึ่งจะเป็นการบันทึกไฟล์กลับไปยังตำแหน่งต่างๆ
ขอแนะนำว่า ในขั้นตอนแยกไฟล์บันทึกไปยังตำแหน่งต่างๆ อย่าบันทึกลงบนตำแหน่งเดิมที่ข้อมูลสูญหายไป
ด้วยขั้นตอนสามข้อดังกล่าว ข้อมูลจะกู้คืนกลับมาได้โดยสมบูรณ์ ตอนนี้ คุณก็สามารถเข้าไปสู่ไฟล์ที่ถูกลบในขณะที่พยายามจะชัตดาวน์เครื่อง
คอมพิวเตอร์ของคุณอาจไม่ได้ชัตดาวน์อย่างถูกต้องเนื่องด้วยปัญหาภายใน เมื่อไรก็ตามที่พบเจอปัญหาดังกล่าว ลองใช้วิธีข้างต้นเพื่อชัตดาวน์ระบบการทำงานของคุณ ทว่า ขณะที่กำลังแก้ไขนั้น ข้อมูลที่บันทึกไว้ของคุณก็อาจจะสูญหายไปได้
หากเป็นเช่นนั้น เราขอแนะนำให้คุณใช้ซอฟต์แวร์กู้คืนข้อมูลอย่าง Recoverit ที่มาพร้อมกับอัตราการกู้คืนข้อมูลที่เต็มประสิทธิภาพในทุกสถานการณ์
Dea N.
staff Editor