ไม่สามารถติดต่อเซิร์ฟเวอร์การกู้คืนบน Mac ได้ [แก้ไขแล้ว]

Wondershare Recoverit Authors

Jun 12, 2024 • Filed to: Solve Mac Problems

จะมีปัญหามากมายที่เกิดขึ้นขณะการอัปเดตการติดตั้ง macOS ปัญหาที่เจอมากที่สุดนั้นคือ ไม่สามารถติดต่อเซิร์ฟเวอร์การกู้คืนบน Mac ได้ ในขณะที่ทำการติดตั้ง macOS High Sierra, Mojave, or Catalina จะมีข้อความที่ผิดพลาดโชว์ขึ้นว่า: ไม่สามารถติดต่อเซิร์ฟเวอร์การกู้คืนบน Mac ได้

ถ้าหากว่าmacOS ของคุณก็หยุดการอัปเดตเหมือนดังที่กล่าวมา โพสนี้จะเป็นประโชยน์ต่อคุณอย่างแน่นอน ในโพสนี้คุณจะได้เรียนรู้ว่าทำไม ไม่สามารถติดต่อเซิร์ฟเวอร์การกู้คืนบน Mac ได้ และจะแก้ไขได้อย่างไร

ไม่สามารถติดต่อเซิร์ฟเวอร์การกู้คืนบน Mac ได้

การที่ไม่สามารถติดต่อเซิร์ฟเวอร์การกู้คืนบน Mac ได้หมายถึงอะไร?

เมื่อติดตั้งการอัพเดท macOS ด้วย macOS installer เครื่อง Mac ของคุณต้องเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ Apple เมื่อมันขึ้นโชว์ว่า "ไม่สามารถติดต่อเซิร์ฟเวอร์การกู้คืนบน Mac ได้" หมายถึง Mac ของคุณไม่สามารถเชื่อมต่อ Apple server ได้สำเร็จ

มีผู้กระทำผิดหลายคนที่อยู่เบื้องหลังปัญหานี้

  • Mac ของคุณ ไม่เชื่อมต่อกับเน็ตเวอร์ จำเป็นต้องมีการเชื่อมต่อเครือข่ายที่เสถียรสำหรับ Mac ของคุณจึงจะติดต่อกับเซิร์ฟเวอร์ Apple ได้สำเร็จ
  • วันที่และเวลาบน Mac ของคุณไม่ซิงค์กับเซิร์ฟเวอร์การกู้คืนของ Apple อย่างถูกต้อง
  • เซิร์ฟเวอร์ของ Apple กำลัง โดนใช้งานมากเกินไปจากผู้ใช้งานหลายท่าน ที่กำลังทำการติดตั้งการอัปเดตใหม่ในเวลาเดียวกัน เมื่อใดก็ตามที่มีการอัพเดต macOS ที่เพิ่งเปิดตัว เซิร์ฟเวอร์ Apple มักจะพบกับช่วงเวลาที่ยุ่ง

วิธีการแก้ไขเซิร์ฟเวอร์ที่กู้คืนบน Mac ไม่ได้?

วิธีแก้ที่ 1: ตรวจสอบการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตบน Mac

ในขั้นตอนแรกคุณจะต้องทำการตรวจสอบ ว่า Mac ของคุณได้ทำการเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตอย่างถูกต้องหรือไม่ หาก Mac ของคุณเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบมีสาย คุณสามารถเสียบสายอินเทอร์เน็ตอีกครั้งเพื่อตรวจสอบ

หาก Mac ของคุณใช้ Wi-Fi ในการเชื่อมต่อ คุณสามารถเข้าถึงตัวเลือก Wi-Fi ได้จากมุมขวาบนของหน้าจอเพื่อตรวจสอบว่าเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ที่เสถียรแล้วหรือไม่

อินเตอร์เน็ตที่เร็วนั้นหมายถึงการเข้าถึงการกู้คืนเซิร์ฟเวอร์ของ Apple ได้รวดเร็วเช่นกัน

ตรวจสอบการตั้งค่าของ Wi-Fi

วิธีแก้ที่ 2: ซิงค์วันที่และเวลาบน Mac ของคุณกับ Apple Recovery Server

ถ้าหาก Mac ของคุณไม่ได้เชื่อมต่อวันและเวลาไว้กับการเซิร์ฟเวอร์กู้คืนของ Apple คุณสามารถทำการอัปเดตการตั้งค่าต่างๆได้จากขั้นตอนดังต่อไปนี้;

  1. ก่อนอื่น ปิดข้อผิดพลาด จะทำให้หน้าต่าง macOS Utilities ทำการเปิดขึ้น
  2. ขั้นตอนต่อไปคุณจะต่อทำการเลือกเมนู "Utilities" ที่อยู่บนเมนูบาร์
  3. คุณจะเห็นตัวเลือก "Terminal", จากนั้นทำการกดเลือก
  4. จากนั้นให้พิมพ์คำสั่งดังต่อไปนี้: "ntpdate -u time.apple.com" จากนั้นกด enter
  5. ขั้นตอนที่ได้กล่าวไปอาจจะต้องใช้เวลา เมื่อขั้นตอนสำเร็จแล้วนั้น คุณสามารถทำการติดตั้งการอัปเดต masOC ได้อีกครั้ง และหวังว่าปัญหาของคุณจะได้รับการแก้ไข

ใช้คำสั่ง Terminal เพื่อทำการแก้ไขความผิดพลาดของ Recovery Server

นอกจากนี้ หากบรรทัดคำสั่ง "ntpdate -u time.apple.com" ไม่สามารถแก้ไข ไม่สามารถติดต่อเซิร์ฟเวอร์การกู้คืนได้ บน Mac ของคุณ คุณสามารถลองใช้คำสั่งต่อไปนี้

ทำการเปลี่ยนเวลาเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดของเสิร์ฟเวอร์การกู้คืน

วิธีแก้ที่ 3: ทำการอัปเดตจาก App Store

หากคุณล้มเหลวในการอัปเดต macOS และได้รับข้อความแสดงข้อผิดพลาด “ไม่สามารถติดต่อเซิร์ฟเวอร์การกู้คืนได้" และยังไม่ได้ลองติดตั้งจาก App Store คุณสามารถลองใช้วิธีนี้เพื่ออัปเดตระบบ macOS ของคุณ

  1. ถ้าหากคุณต้องทำการดาวน์โหลดการติดตั้ง folder คุณจำเป็นต้องทำการลบออกก่อน
  2. หลังจากที่คุณได้ทำการยกเลิกการติดตั้งแล้ว ให้คุณทำการติดตั้ง masOC เวอร์ชั่นล่าสุด App Store อีกครั้ง

วิธีแก้ที่ 4: ติดตั้ง Mojave/Catalina แบบเวอร์ชั่นเต็ม

ผู้ใช้บางรายพบว่าเมื่อพวกเขาพยายามติดตั้งการอัปเดต macOS ด้วยตัวติดตั้งการอัปเดตจาก App Store ก็แสดงข้อความแสดงข้อผิดพลาดว่า "ไม่สามารถติดต่อเซิร์ฟเวอร์การกู้คืนได้" แต่ถึงอย่างไรหลังจากการอัปโหลด masOC เวอร์ชั่นเต็มแล้ว installer จะสามารถใช้งานได้โดยไม่มีปัญหาอะไร นี้คือวิธีการที่คุณสามารถติดตั้ง macOS Catalina เวอร์ชั่นเต็มได้

  1. ใช้งาน Terminal
  2. ตัวอย่างเช่น หากต้องการดาวน์โหลดเวอร์ชันเต็มของแอปพลิเคชันตัวติดตั้ง macOS Catalina 10.15.3 ให้ป้อนบรรทัดคำสั่งดังนี้:
    softwareupdate --fetch-full-installer --full-installer-version 10.15.3
  3. การดาวน์โหลดโฟลเดอร์จะทำการติดตั้งขึ้น
  4. ใช้โปรแกรมติดตั้งเพื่อติดตั้ง macOS โดยไม่มีข้อผิดพลาดของเซิร์ฟเวอร์การกู้คืน

ดาวน์โหลด macOS Installer แบบเวอร์ชั่นเต็ม

วิธีการแก้ไขที่ 5: ใช้คำสั่งของ Terminal

วิธีแก้ไขอีกวิธีคือการใช้คำสั่งของ terminal ในการที่ "ไม่สามารถติดต่อเซิร์ฟเวอร์การกู้คืนบน Mac ได้ " ในขณะอัปเดต macOS ทำตามขั้นตอนนี้:

  1. ทำการติดตั้ง Utilities จากนั้นเปิด Terminal.
  2. พิมพ์คำสั่งดังต่อไปนี้:
    softwareupdate -l
  3. จากนั้นกดเลือกคำสั่งนี้:
    softwareupdate --install 'label'

จากนั้นแทนที่ป้ายกำกับด้วยเวอร์ชัน macOS เฉพาะที่คุณต้องการติดตั้ง เช่น softwareupdate --install 'macOS Sonoma'

วิธีแก้ไขที่ 6: สร้าง USB Bootable Installer

การอัปเดตระบบ macOS ด้วยไดรฟ์ USB ที่สามารถบู๊ตได้ก็เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพเช่นกันในการแก้ไขข้อผิดพลาดที่ไม่สามารถติดต่อเซิร์ฟเวอร์การกู้คืนได้ สิ่งที่คุณต้องทำคือการดาวน์โหลด masOC เวอร์ชั่นล่าสุดด้วย ไดร์ฟ USB จากนั้น สร้าง USB ที่สามารถบู๊ตได้ จากนั้น เชื่อมต่อ USB กับ Mac และติดตั้งระบบ masOC ที่ใหม่ที่สุด

วิธีแก้ไขที่ 7: ลบดิสก์ของคุณและติดตั้ง macOS อีกครั้ง

ในกรณีที่คุณได้ทำตามขั้นตอนที่กล่าวไปแล้วไม่ได้รับผลตอบรับกลับมานั้น คุณสามารถลบฮาร์ดดิสก์ของคุณและติดตั้ง macOS ใหม่ได้เลย คุณสามารถเข้าสู่โหมดการกู้คืนเพื่อลบฮาร์ดดิสก์ได้ หลังจากนั้นการติดตั้ง macOS ใหม่สามารถแก้ปัญหาของคุณได้ ทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้อย่างถูกต้องเพื่อทำการลบฮาร์ดดิสก์ของคุณและติดตั้ง macOS ใหม่

  1. ขั้นตอนแรกเลยคือคุณต้องทำการเปิดเครื่อง Mac ใหม่
  2. เมื่อ Mac ได้ทำการเริ่มใหม่แล้วคุณต้องกด Command + R เพื่อทำการเข้าสู่โหมดของการกู้คืน
  3. ในโหมดของการกู้คืน กด Disk Utility และทำการลบระดับของ Macintosh HD ในขั้นตอนนี้ข้อมูลใน Mac ของคุณทั้งหมดจะถูกลบเพราะฉนั้นโปรดมั่นใจว่าคุณได้ทำการสำรองข้อมูลไว้แล้ว
  4. หลังจากที่ทำการลบ disk แล้วคุณก็จะสามารถติดตั้ง masOS ใหม่ได้ คร้ังนี้คุณจะไม่พบกับข้อความ "ไม่สามารถติดต่อเซิร์ฟเวอร์การกู้คืนบน Mac ได้อีก

ติดตั้ง masOS

หากคุณมีข้อมูลสำคัญหายไปหลังจากการอัปเดต macOS คุณสามารถกู้คืนได้โดยใช้ซอฟแวร์ การกู้คืนข้อมูลของ recoverit โปรแกรมนี้ออกแบบมาเพื่อกู้คืนรูปภาพ เอกสาร วิดีโอ อีเมล ฯลฯ จากคอมพิวเตอร์ Mac หลังจากที่ ข้อมูลถูกลบโดยไม่ตั้งใจ หรือสูญหายเนื่องจากการติดตั้ง macOS ใหม่ การรีเซ็ตเป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน หรือไวรัส

ข้อมูลที่สูญหายสามารถกู้คืนได้ใน 3 ขั้นตอนง่ายๆ ด้วย Recoverit: เลือกไดรฟ์ของข้อมูลที่สูญหาย สแกนไดรฟ์ กู้คืนไฟล์

ดาวน์โหลด Recoverit Data Recovery เวอร์ชันทดลองใช้ฟรีเพื่อสแกนและค้นหาไฟล์ที่คุณต้องการ

กู้คืนไฟล์ word ใน Mac

Recoverit - ซอฟแวร์การกู้คืนไฟล์ที่ดีที่สุด

  • กู้คืนเอกสาร Word จากอุปกรณ์ที่เก็บข้อมูลได้ทั้งหมดเช่น Mac
  • กู้คืนไฟล์มากกว่า 1,000 ประเภทและรูปแบบของไฟล์ในสถานการณ์ต่างๆ
  • แสกนและดูตัวอย่างของไฟล์ก่อนที่คุณจะทำการกู้คืนจาก Macbook hard drive
ดาวน์โหลดฟรี| Mac เวอร์ชั่น Mac ดาวน์โหลดฟรี | Win Windows Version

วิธีการใช้ Recoverit เพื่อทำการกู้คืนข้อมูลบนดิสก์?

ในฐานะหนึ่งในซอฟต์แวร์กู้คืนข้อมูลที่ดีที่สุด Recoverit สามารถช่วยให้คุณได้รับข้อมูลที่สูญหายกลับมาภายในไม่กี่คลิก ทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้:

ขั้นตอนที่ 1 ดาวน์โหลดและติดตั้ง

ขั้นตอนแรก คุณจะต้องทำการดาวน์โหลดและติดตั้ง Wondershare Recoverit ลงบน Mac จากนั้นติดตั้งโปรแกรม

ดาวน์โหลด recoverit

ขั้นตอนที่ 2. เริ่มทำการแสกนไฟล์

เลือกไดรฟ์ที่คุณทำไฟล์หายแล้วคลิกสแกนเพื่อเริ่มการสแกน รอให้กระบวนการสำเร็จ

ทำการแสกนไฟล์

ขั้นตอนที่ 3 ดูตัวอย่างและดาวน์โหลด

คุณสามารถคลิกสองรอบได้ที่ไฟล์ที่คุณได้ดูตัวอย่างผลเมื่อขั้นตอนสำเร็จ หากคุณไม่พบปัญหาคลิกกู้คืนเพื่อดาวน์โหลดไฟล์ในเครื่อง จากนั้นไฟล์จะถูกกู้คืนกลับมาได้อย่างสำเร็จ

ดูตัวอย่างและดาวน์โหลด

วิดีโอสอนเกี่ยวกับวิธีการกู้คืนไฟล์ที่ถูกลบบน Mac แม้แต่ถังขยะที่ว่างเปล่า?

วิดีโอล่าสุด จาก Recoverit

ดูเพิ่มเติม >

บทสรุป

ผู้ใช้งานหลายท่านร้องเรียนเกี่ยวกับ ไม่สามารถติดต่อเซิร์ฟเวอร์การกู้คืนบน Mac ได้ ทุกข้อผิดพลาดสามารถแก้ไขได้ก็ต่อเมื่อคุณใช้แนวทางแก้ไขที่เหมาะสมเท่านั้น และเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในการอัพเดท macOS คุณจะต้องสำรองข้อมูลของคุณก่อนที่จะดำเนินการตามขั้นตอนใดๆ ในกรณีที่ข้อมูลของคุณสูญหาย คุณสามารถกู้คืนกลับได้โดยการใช้ Recoverit Data Recovery.

Recoverit author

Dea N.

staff Editor

Home > Resources > Solve Mac Problems > ไม่สามารถติดต่อเซิร์ฟเวอร์การกู้คืนบน Mac ได้ [แก้ไขแล้ว]